ปิดงบการเงินคืออะไร? ทำไมธุรกิจต้องทำ?
การปิดงบการเงิน คือกระบวนการสรุปข้อมูลทางการเงินของธุรกิจเมื่อสิ้นสุดรอบบัญชี (มักเป็นสิ้นปี) เพื่อนำเสนอผลประกอบการ ฐานะการเงิน และกระแสเงินสดของธุรกิจในช่วงเวลาที่ผ่านมา
ธุรกิจทุกประเภท โดยเฉพาะนิติบุคคล เช่น บริษัทจำกัด ห้างหุ้นส่วนจำกัด ต้องทำการปิดงบการเงินและนำส่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมพัฒนาธุรกิจการค้า (DBD) และกรมสรรพากร
📌 ทำไมต้องปิดงบการเงิน?
✅ 1. เพื่อสรุปผลกำไร-ขาดทุนของธุรกิจ
ช่วยให้เจ้าของธุรกิจรู้ว่ากิจการมีรายได้-ค่าใช้จ่าย และกำไรหรือขาดทุนเท่าไหร่
✅ 2. เพื่อยื่นภาษีเงินได้นิติบุคคล
บริษัทต้องใช้ข้อมูลจากงบการเงินในการคำนวณภาษีและยื่นแบบ ภ.ง.ด.50 ต่อกรมสรรพากร
✅ 3. เพื่อยื่นงบการเงินต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า (DBD)
บริษัทและห้างหุ้นส่วนต้องยื่นงบการเงินทุกปีภายใน 150 วัน หลังจากสิ้นรอบบัญชี
✅ 4. เพื่อขอสินเชื่อและใช้ประกอบการลงทุน
ธนาคารและนักลงทุนใช้ข้อมูลจากงบการเงินเพื่อพิจารณาให้สินเชื่อหรือร่วมลงทุน
✅ 5. เพื่อความถูกต้องและป้องกันปัญหาทางกฎหมาย
หากไม่ปิดงบการเงินและยื่นตามกำหนด อาจถูก ปรับสูงสุด 200,000 บาท ตามกฎหมาย
📊 องค์ประกอบของงบการเงิน
เมื่อปิดงบการเงินเสร็จแล้ว จะต้องจัดทำเอกสารงบการเงินที่สำคัญ ได้แก่
📌 1. งบกำไรขาดทุน (Profit & Loss Statement)
แสดงรายได้ ค่าใช้จ่าย และกำไรหรือขาดทุนของธุรกิจ
📌 2. งบแสดงฐานะการเงิน (Balance Sheet)
แสดงสินทรัพย์ หนี้สิน และส่วนของเจ้าของ ณ สิ้นปีบัญชี
📌 3. งบกระแสเงินสด (Cash Flow Statement)
แสดงการไหลเข้าและออกของเงินสดในธุรกิจ
📌 4. หมายเหตุประกอบงบการเงิน
อธิบายข้อมูลทางบัญชีเพิ่มเติม เช่น นโยบายบัญชี หรือรายละเอียดสินทรัพย์
🔹 สรุปขั้นตอนการปิดงบการเงิน
✅ 1. ตรวจสอบและกระทบยอดบัญชี เช่น บัญชีเงินฝาก ลูกหนี้ เจ้าหนี้
✅ 2. บันทึกค่าใช้จ่ายค้างจ่าย และรายได้รับล่วงหน้า
✅ 3. คำนวณค่าเสื่อมราคา และปรับปรุงบัญชี
✅ 4. ปรับปรุงบัญชีสินค้าคงเหลือ และตรวจสอบเอกสารภาษี
✅ 5. จัดทำงบการเงิน และขอให้ผู้สอบบัญชีตรวจสอบ (ถ้าจำเป็น)
✅ 6. ยื่นงบการเงินต่อ DBD และยื่นภาษีกับกรมสรรพากรให้ถูกต้อง
📢 ธุรกิจต้องปิดงบการเงินทุกปี เพื่อให้ถูกต้องตามกฎหมาย และช่วยให้การบริหารธุรกิจมีประสิทธิภาพมากขึ้น หากไม่มั่นใจ ควรปรึกษานักบัญชีมืออาชีพ หรือสำนักงานบัญชี 🚀
✅ 1. ตรวจสอบและกระทบยอดบัญชี
- ตรวจสอบยอดเงินฝากธนาคารให้ตรงกับบัญชีธุรกิจ (Bank Reconciliation)
- กระทบยอดบัญชีลูกหนี้และเจ้าหนี้ ตรวจสอบหนี้สูญและหนี้ค้างจ่าย
- ตรวจนับสินค้าคงเหลือและปรับปรุงบัญชีสินค้าคงคลัง
✅ 2. บันทึกค่าใช้จ่ายค้างจ่าย และรายได้รับล่วงหน้า
- ตรวจสอบรายการที่เกิดขึ้นแล้วแต่ยังไม่ได้บันทึก เช่น ค่าเช่า ค่าน้ำ ค่าไฟ
- บันทึกค่าใช้จ่ายและรายได้ให้ตรงกับงวดบัญชีที่เกี่ยวข้อง
✅ 3. คำนวณค่าเสื่อมราคา และปรับปรุงบัญชี
- คำนวณค่าเสื่อมราคาของสินทรัพย์ถาวร เช่น อาคาร เครื่องจักร อุปกรณ์สำนักงาน
- ตรวจสอบการตัดจำหน่ายสินทรัพย์ที่เลิกใช้งาน
✅ 4. ตรวจสอบภาษีและบันทึกให้ถูกต้อง
- ตรวจสอบภาษีซื้อ-ภาษีขาย และยื่นแบบ ภ.พ.30 (VAT)
- คำนวณและบันทึก ภาษีหัก ณ ที่จ่าย (ภ.ง.ด.1, 3, 53)
- คำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคลและยื่นแบบ ภ.ง.ด.50
✅ 5. จัดทำงบการเงิน และให้ผู้สอบบัญชีตรวจสอบ
- จัดทำเอกสารงบการเงิน ได้แก่
✅ งบกำไรขาดทุน (สรุปผลประกอบการธุรกิจ)
✅ งบแสดงฐานะการเงิน (แสดงสินทรัพย์ หนี้สิน และทุน)
✅ งบกระแสเงินสด (แสดงการเคลื่อนไหวของเงินสด)
✅ หมายเหตุประกอบงบการเงิน (อธิบายข้อมูลเพิ่มเติม) - ให้ผู้สอบบัญชีรับอนุญาตตรวจสอบงบการเงิน (กรณีธุรกิจที่ต้องมีผู้สอบบัญชี)
✅ 6. ยื่นงบการเงินและภาษีให้ถูกต้อง
- ยื่นงบการเงินต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า (DBD) ภายใน 150 วัน หลังสิ้นรอบบัญชี
- ยื่นภาษีเงินได้นิติบุคคล (ภ.ง.ด.50) ต่อกรมสรรพากร ภายใน 150 วัน
- สำรองข้อมูลและจัดเก็บเอกสารบัญชี เพื่อใช้อ้างอิงภายหลัง
📌 สรุป
การปิดงบการเงินช่วยให้ธุรกิจมีข้อมูลที่ถูกต้อง ใช้ยื่นภาษีได้อย่างถูกต้อง และเป็นประโยชน์ต่อการบริหารธุรกิจ หากไม่มั่นใจ ควรปรึกษานักบัญชีหรือสำนักงานบัญชีเพื่อป้องกันข้อผิดพลาด 🚀
📌 ติดต่อเราเพื่อรับคำปรึกษาเพิ่มเติม
📞 โทร: 02 009 2298-99
📩 Email: atlcomany24@gmail.com
🌐 Website: www.atlcompany.co.th
📌 Facebook: ATL Company – รับจดทะเบียนบริษัท
📲 Line@: @atlcompany