นำเข้าสินค้าจากต่างประเทศมาขาย ต้องเสียภาษีอะไรบ้าง? พร้อมขั้นตอนนำเข้าแบบเข้าใจง่าย

ปัจจุบัน การนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศมาขายในไทยได้รับความนิยมอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นสินค้าแฟชั่น เครื่องใช้ไฟฟ้า อาหารเสริม หรือของใช้ต่างๆ แต่สิ่งที่หลายคนสงสัยคือ ต้องเสียภาษีอะไรบ้าง? และ มีขั้นตอนการนำเข้าอย่างไร? บทความนี้จะสรุปให้เข้าใจง่าย


1. ภาษีที่ต้องจ่ายเมื่อนำเข้าสินค้า

เมื่อนำเข้าสินค้าเข้ามาในประเทศไทย ผู้นำเข้าจะต้องชำระภาษีหลักๆ 2 ประเภท ได้แก่

1.1 ภาษีศุลกากร (Import Duty)

  • อัตราภาษีศุลกากรขึ้นอยู่กับประเภทของสินค้า โดยมีตั้งแต่ 0% – 80%
  • สามารถตรวจสอบพิกัดศุลกากร (HS Code) เพื่อเช็กอัตราภาษีของสินค้าได้ที่เว็บไซต์ของกรมศุลกากร

1.2 ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) 7%

  • คำนวณจาก (มูลค่าสินค้า + ค่าขนส่ง + ค่าประกัน + ภาษีศุลกากร)
  • เช่น ถ้านำเข้าสินค้ามูลค่า 10,000 บาท และมีภาษีศุลกากร 5%
    • ภาษีศุลกากร = 10,000 × 5% = 500 บาท
    • VAT = (10,000 + 500) × 7% = 735 บาท

1.3 ภาษีสรรพสามิต (ถ้ามี)

  • ใช้กับสินค้าบางประเภท เช่น สุรา บุหรี่ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เครื่องสำอาง และสินค้าฟุ่มเฟือย
  • อัตราภาษีขึ้นอยู่กับประเภทของสินค้า

1.4 ภาษีมหาดไทย (ถ้ามี)

  • คิดเฉพาะสินค้าที่ต้องเสียภาษีสรรพสามิต เช่น น้ำหอม เครื่องสำอาง

2. ขั้นตอนการนำเข้าสินค้า

การนำเข้าสินค้าแบ่งเป็น 5 ขั้นตอนหลัก ดังนี้

2.1 ค้นหาและติดต่อซัพพลายเออร์

  • เลือกสินค้าที่ต้องการนำเข้า และหาซัพพลายเออร์ที่น่าเชื่อถือ เช่น Alibaba, 1688, Taobao
  • เช็กเงื่อนไขการจัดส่งและเงื่อนไขภาษีนำเข้า

2.2 ตรวจสอบ HS Code และอัตราภาษี

  • ค้นหา HS Code ของสินค้าเพื่อตรวจสอบอัตราภาษีศุลกากร
  • ตรวจสอบว่าสินค้าต้องมีใบอนุญาตนำเข้าหรือไม่ เช่น อย., มอก., กรมปศุสัตว์ ฯลฯ

2.3 การขนส่งสินค้าและเลือกวิธีนำเข้า

 

มี 3 วิธีหลักในการนำเข้า

  • ทางเรือ (Sea Freight): เหมาะสำหรับสินค้าปริมาณมาก ราคาถูก แต่ใช้เวลานาน
  • ทางอากาศ (Air Freight): รวดเร็ว เหมาะกับสินค้าน้ำหนักเบา ราคาแพง
  • ไปรษณีย์/ขนส่งเอกชน (Courier/Express): เช่น DHL, FedEx, ไปรษณีย์ไทย สะดวกแต่ค่าขนส่งสูง

2.4 เคลียร์ภาษีและพิธีการศุลกากร

  • หากเป็นการนำเข้าทางเรือหรืออากาศ ต้องมีการสำแดงสินค้าและเสียภาษีที่กรมศุลกากร
  • ใช้ใบขนสินค้าขาเข้า (Import Declaration) และเอกสารประกอบ เช่น
    • Invoice (ใบกำกับสินค้า)
    • Packing List (ใบแสดงรายการบรรจุสินค้า)
    • ใบอนุญาตนำเข้า (ถ้ามี)

2.5 รับสินค้าและนำไปขาย

  • เมื่อผ่านด่านศุลกากรแล้ว สามารถนำสินค้าไปเก็บสต็อกหรือจำหน่ายต่อได้
  • อาจต้องออกใบกำกับภาษี (VAT) หากเป็นธุรกิจที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม

3. นำเข้าสินค้าแบบไม่ต้องเสียภาษีได้หรือไม่?

มีบางกรณีที่นำเข้าสินค้าโดยไม่ต้องเสียภาษี ได้แก่
สินค้าราคาไม่เกิน 1,500 บาท – ได้รับการยกเว้นภาษีนำเข้า แต่ยังต้องเสีย VAT 7%
FTA (ข้อตกลงการค้าเสรี) – สินค้าจากบางประเทศ เช่น จีน ญี่ปุ่น อาจได้รับการยกเว้นภาษีศุลกากร (ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของข้อตกลง)
ของใช้ส่วนตัว – หากไม่ใช่เพื่อการค้า และมีมูลค่าไม่สูงมาก


สรุป

การนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศต้องเสียภาษีหลักๆ คือ ภาษีศุลกากร (Import Duty) และ VAT 7% นอกจากนี้ สินค้าบางประเภทอาจมี ภาษีสรรพสามิตและภาษีมหาดไทย ขั้นตอนการนำเข้าคือ ค้นหาซัพพลายเออร์ → ตรวจสอบภาษี → เลือกวิธีขนส่ง → เคลียร์ศุลกากร → รับสินค้าและจำหน่าย

หากต้องการลดต้นทุน ควรศึกษา FTA หรือเลือกสินค้าที่อยู่ในเกณฑ์ยกเว้นภาษี รวมถึงใช้บริการชิปปิ้งที่เชี่ยวชาญเรื่องศุลกากร เพื่อให้การนำเข้าสินค้ารวดเร็วและคุ้มค่าที่สุด


อยากนำเข้าสินค้าอะไร? มีคำถามเรื่องภาษีนำเข้าหรือไม่? คอมเมนต์ถามได้เลย! 🚀

ต้องการใช้บริการจดทะเบียนบริษัท หรือ ทำบัญชีกับเราสามารถติดต่อได้ที่
📞 โทร: 02 009 2298-99

📩 Email: atlcomany24@gmail.com
🌐 Website: www.atlcompany.co.th
📌 Facebook: ATL Company – รับจดทะเบียนบริษัท
📲 Line@: @atlcompany

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า