ธุรกิจออนไลน์ต้องเสียภาษีอะไรบ้าง? สรุปภาระภาษีสำหรับ e-Commerce
ในยุคดิจิทัลที่ธุรกิจออนไลน์เติบโตอย่างรวดเร็ว ผู้ประกอบการ e-Commerce ควรเข้าใจภาระภาษีที่เกี่ยวข้อง เพื่อปฏิบัติตามกฎหมายและหลีกเลี่ยงปัญหาภาษีย้อนหลัง บทความนี้สรุปภาษีหลักที่ธุรกิจออนไลน์ต้องเสียและวิธีการจัดการภาษีให้ถูกต้อง
1. ภาษีเงินได้ (Income Tax)
ภาษีเงินได้เป็นภาษีหลักที่ธุรกิจออนไลน์ต้องจ่าย โดยแบ่งออกเป็น 2 ประเภทตามรูปแบบธุรกิจ
✅ กรณีเป็นบุคคลธรรมดา
- ต้องยื่น ภ.ง.ด.90 หรือ ภ.ง.ด.94 (ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา)
- อัตราภาษีแบบก้าวหน้า 5% – 35% ขึ้นอยู่กับรายได้
- สามารถหักค่าใช้จ่ายตามจริงหรือแบบเหมาจ่ายได้
📌 ตัวอย่าง:
หากขายของออนไลน์และมีรายได้ 1,000,000 บาทต่อปี สามารถเลือกหักค่าใช้จ่ายแบบเหมาจ่าย 60% ได้ (เหลือ 400,000 บาทเป็นเงินได้สุทธิ) และต้องเสียภาษีตามอัตราก้าวหน้า
✅ กรณีเป็นนิติบุคคล (บริษัท/ห้างหุ้นส่วน)
- ต้องยื่น ภ.ง.ด.50 (ภาษีเงินได้นิติบุคคลประจำปี) และ ภ.ง.ด.51 (กลางปี)
- อัตราภาษี 15% – 20% ของกำไรสุทธิ
- หากเป็น บริษัทขนาดเล็ก (SME) ที่มีทุนจดทะเบียนไม่เกิน 5 ล้านบาท และรายได้ไม่เกิน 30 ล้านบาท ได้รับอัตราภาษีลดหย่อน
📌 ตัวอย่าง:
ถ้าบริษัท e-Commerce มีกำไรสุทธิ 800,000 บาท ต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล 15% ของกำไรสุทธิ (800,000 x 15% = 120,000 บาท)
2. ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT – Value Added Tax)
ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) เป็นภาษีที่ธุรกิจที่มีรายได้เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี ต้องจดทะเบียนและเรียกเก็บจากลูกค้า
✅ ธุรกิจ e-Commerce ที่ต้องเสีย VAT
- ร้านค้าออนไลน์ที่ขายสินค้าหรือบริการและมีรายได้เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี
- ต้องยื่นแบบ ภ.พ.30 ทุกเดือน และนำส่งภาษีให้กรมสรรพากร
📌 ตัวอย่าง:
- ขายสินค้า 100,000 บาท ต้องเรียกเก็บ VAT 7% เพิ่มจากราคาสินค้า (7,000 บาท) แล้วนำส่งให้กรมสรรพากร
❌ ธุรกิจที่ไม่ต้องเสีย VAT
- รายได้ไม่ถึง 1.8 ล้านบาทต่อปี ไม่จำเป็นต้องจด VAT
- ธุรกิจขายสินค้า/บริการที่ได้รับยกเว้น VAT เช่น หนังสือเรียน บริการการศึกษา
3. ภาษีหัก ณ ที่จ่าย (Withholding Tax – WHT)
ภาษีหัก ณ ที่จ่ายเกี่ยวข้องกับธุรกิจออนไลน์ในกรณีที่มีการจ่ายเงินค่าบริการต่างๆ เช่น
- จ่ายค่าจ้าง Influencer, Freelancer, นักออกแบบเว็บไซต์ – ต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย 3% หรือ 5%
- จ่ายค่าโฆษณาบนแพลตฟอร์มไทย เช่น Shopee, Lazada – ต้องหัก 3% ก่อนจ่ายเงินให้แพลตฟอร์ม
📌 ตัวอย่าง:
หากจ้าง Influencer รีวิวสินค้าในราคา 50,000 บาท ต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย 3% (1,500 บาท) แล้วนำส่งให้กรมสรรพากร พร้อมออกหนังสือรับรองให้ผู้ถูกหัก
4. ภาษี e-Service สำหรับแพลตฟอร์มต่างประเทศ
หากธุรกิจออนไลน์ซื้อบริการจากแพลตฟอร์มต่างประเทศ เช่น Facebook Ads, Google Ads, Shopify หรือบริการคลาวด์ต่างๆ อาจต้องเสียภาษี e-Service
- ตั้งแต่ 1 กันยายน 2564 เป็นต้นมา แพลตฟอร์มดิจิทัลต่างประเทศที่มีรายได้จากไทยเกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี ต้องจดทะเบียน VAT และเก็บภาษี 7% จากผู้ใช้บริการไทย
- ผู้ซื้อบริการจะเห็นภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ในใบแจ้งหนี้ของแพลตฟอร์ม
📌 ตัวอย่าง:
- ซื้อโฆษณา Facebook Ads 10,000 บาท จะถูกเรียกเก็บ VAT 7% (700 บาท) โดย Facebook และนำส่งกรมสรรพากรเอง
5. ภาษีศุลกากร (สำหรับธุรกิจนำเข้าส่งออก)
หากธุรกิจ e-Commerce นำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ อาจต้องเสียภาษีนำเข้าและภาษีมูลค่าเพิ่มตามพิกัดอัตราศุลกากร
- สินค้ามูลค่าเกิน 1,500 บาท ต้องเสียภาษีนำเข้าและ VAT
- สินค้าบางประเภท เช่น เครื่องสำอาง อาหารเสริม ต้องได้รับอนุญาตจาก อย. ก่อนนำเข้า
📌 ตัวอย่าง:
- นำเข้าเสื้อผ้ามูลค่า 10,000 บาท อาจต้องเสียภาษีนำเข้า 30% (3,000 บาท) และ VAT 7% (700 บาท)
6. ภาษีท้องถิ่นอื่นๆ (Local Tax)
ขึ้นอยู่กับลักษณะของธุรกิจ เช่น ค่าธรรมเนียมป้ายโฆษณา หรือภาษีโรงเรือน หากมีสถานที่ตั้งร้านค้า
สรุป: ภาษีที่ธุรกิจออนไลน์ต้องเสีย
ประเภทภาษี | บุคคลธรรมดา | นิติบุคคล (บริษัท/ห้างหุ้นส่วน) |
---|---|---|
ภาษีเงินได้ (Income Tax) | ภ.ง.ด.90/94 (5%-35%) | ภ.ง.ด.50/51 (15%-20%) |
ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) | รายได้เกิน 1.8 ล้านบาทต้องจด VAT 7% | รายได้เกิน 1.8 ล้านบาทต้องจด VAT 7% |
ภาษีหัก ณ ที่จ่าย (WHT) | หักภาษีค่าจ้าง Influencer 3%-5% | หักภาษีค่าบริการ 3% หรือ 5% |
ภาษี e-Service | ต้องจ่าย VAT 7% สำหรับแพลตฟอร์มต่างประเทศ | ต้องจ่าย VAT 7% สำหรับแพลตฟอร์มต่างประเทศ |
ภาษีศุลกากร | เสียภาษีนำเข้าและ VAT หากนำเข้าสินค้า | เสียภาษีนำเข้าและ VAT หากนำเข้าสินค้า |
เคล็ดลับจัดการภาษีธุรกิจออนไลน์
✅ จดทะเบียนธุรกิจ ให้ถูกต้องตามกฎหมาย
✅ เก็บหลักฐานรายรับ-รายจ่ายให้ครบ เพื่อใช้ลดหย่อนภาษี
✅ ยื่นภาษีให้ตรงเวลา เพื่อหลีกเลี่ยงค่าปรับและดอกเบี้ย
✅ ใช้ซอฟต์แวร์บัญชี หรือจ้างนักบัญชีช่วยดูแลภาษี
📌 หากคุณเป็นเจ้าของธุรกิจออนไลน์ ควรศึกษาภาษีที่เกี่ยวข้องและจัดการบัญชีอย่างเป็นระบบ เพื่อให้ธุรกิจดำเนินไปอย่างราบรื่นและถูกต้องตามกฎหมาย 🚀
ต้องการใช้บริการจดทะเบียนบริษัท,ทำบัญชี หรือ วางแผนด้านภาษีกับเราสามารถติดต่อได้ที่
📞 โทร: 02 009 2298-99
📩 Email: atlcomany24@gmail.com
🌐 Website: www.atlcompany.co.th
📌 Facebook: ATL Company – รับจดทะเบียนบริษัท
📲 Line@: @atlcompany