ทำไมสำนักงานบัญชีต้องขอดูเอกสารก่อนเสนอราคา?
หนึ่งในคำถามที่เจ้าของธุรกิจมักสงสัยเมื่อต้องการจ้างสำนักงานบัญชีคือ “ทำไมต้องส่งเอกสารหรือข้อมูลให้ดูก่อนเสนอราคา?” ทั้งที่หลายคนอาจคิดว่า การทำบัญชีควรมีราคากลางที่ชัดเจน แต่ในความเป็นจริง งานบัญชีมีความซับซ้อนและแตกต่างกันไปตามแต่ละธุรกิจ
การที่สำนักงานบัญชีต้องขอดูเอกสารก่อนเสนอราคา เป็นเพราะต้องการประเมินปริมาณงานและความซับซ้อนของธุรกิจให้ถูกต้อง เพื่อให้สามารถเสนอราคาที่เหมาะสมกับขอบเขตงาน และป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นภายหลัง
📌 เหตุผลสำคัญที่สำนักงานบัญชีต้องตรวจสอบเอกสารก่อนเสนอราคา
1️⃣ ปริมาณเอกสารและรายการบัญชีส่งผลต่อค่าบริการ
การทำบัญชีมีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับ ปริมาณเอกสาร ที่ต้องบันทึกและตรวจสอบ เช่น
✅ ใบเสร็จรับเงิน / ใบกำกับภาษีขาย
✅ ใบแจ้งหนี้ / ใบกำกับภาษีซื้อ
✅ ใบสำคัญจ่าย
✅ รายการเดินบัญชีธนาคาร (Statement)
ธุรกิจที่มีเอกสารจำนวนมาก เช่น ธุรกิจค้าส่ง-ค้าปลีก โรงงานผลิต หรือธุรกิจที่มีสาขาหลายแห่ง ย่อมต้องใช้เวลาและทรัพยากรมากกว่าธุรกิจขนาดเล็กที่มีรายการน้อย ดังนั้น สำนักงานบัญชีต้องขอดูเอกสารจริงก่อน เพื่อประเมินปริมาณงานที่ต้องทำ
2️⃣ ประเภทและโครงสร้างธุรกิจมีผลต่อความซับซ้อนของงานบัญชี
ธุรกิจแต่ละประเภทมีข้อกำหนดทางบัญชีและภาษีที่แตกต่างกัน เช่น
- ธุรกิจบริการ มักมีเอกสารไม่ซับซ้อน แต่ต้องคำนวณภาษีให้ถูกต้อง
- ธุรกิจค้าปลีก-ค้าส่ง มีรายการซื้อขายจำนวนมาก ต้องกระทบยอดสต็อกสินค้า
- ธุรกิจออนไลน์ (E-Commerce) ต้องคำนวณภาษีจากหลายแพลตฟอร์ม เช่น Shopee, Lazada, Facebook
- ธุรกิจนำเข้า-ส่งออก มีเรื่องภาษีนำเข้า ภาษีมูลค่าเพิ่ม และเอกสารศุลกากรที่ต้องพิจารณา
สำนักงานบัญชีต้องตรวจสอบเอกสารก่อน เพื่อพิจารณาว่าโครงสร้างธุรกิจนั้น ๆ ต้องใช้วิธีทำบัญชีแบบใด และต้องมีการปรับปรุงบัญชีเพิ่มเติมหรือไม่
3️⃣ ตรวจสอบความถูกต้องและความพร้อมของเอกสาร
สำนักงานบัญชีต้องตรวจสอบว่าเอกสารของธุรกิจนั้น
✅ ถูกต้องและครบถ้วนหรือไม่?
✅ มีการบันทึกบัญชีมาตลอดหรือไม่? หรือขาดช่วงต้องทำย้อนหลัง?
✅ มีปัญหาค้างคาหรือความผิดพลาดในบัญชีย้อนหลังหรือไม่?
หากพบว่าเอกสารไม่เป็นระเบียบ หรือมีข้อผิดพลาดจากรอบบัญชีที่ผ่านมา สำนักงานบัญชีอาจต้องใช้เวลาแก้ไข ทำให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
4️⃣ ความซับซ้อนของภาษี และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
ภาษีเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลต่อความซับซ้อนของงานบัญชี เช่น
- ธุรกิจที่อยู่ในระบบ VAT (ภาษีมูลค่าเพิ่ม) ต้องมีการบันทึกและยื่นแบบ ภ.พ.30 ทุกเดือน
- ธุรกิจที่มีการจ่ายค่าจ้าง ต้องยื่น ภ.ง.ด.1 (ภาษีหัก ณ ที่จ่ายเงินเดือนพนักงาน)
- ธุรกิจที่ต้องมีการหัก ณ ที่จ่ายค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เช่น ค่าเช่า หรือค่าบริการ ต้องยื่น ภ.ง.ด.3, ภ.ง.ด.53
- หากมีรายได้จากต่างประเทศ อาจต้องตรวจสอบภาษีหัก ณ ที่จ่ายระหว่างประเทศ และภาษีมูลค่าเพิ่มที่เกี่ยวข้อง
สำนักงานบัญชีต้องตรวจสอบโครงสร้างรายได้และค่าใช้จ่ายของธุรกิจเพื่อพิจารณาว่ามีภาระภาษีอะไรบ้าง และมีความเสี่ยงทางภาษีหรือไม่
5️⃣ กำหนดขอบเขตงานและภาระงานให้ชัดเจน
การทำบัญชีไม่ใช่แค่บันทึกรายการ แต่รวมถึง
✅ การวิเคราะห์บัญชี
✅ การปรับปรุงรายการ
✅ การยื่นภาษีทุกประเภท
✅ การตรวจสอบความถูกต้อง
สำนักงานบัญชีต้องพิจารณาว่าขอบเขตงานของลูกค้าครอบคลุมอะไรบ้าง เช่น
- ต้องบันทึกบัญชีรายเดือน หรือทำบัญชีย้อนหลัง?
- ต้องยื่นภาษีอะไรบ้าง?
- ต้องทำบัญชีสต็อกสินค้าหรือไม่?
- ต้องจัดทำงบการเงินเพื่อยื่นต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้าหรือไม่?
การกำหนดขอบเขตงานให้ชัดเจนก่อนเสนอราคา ช่วยให้ทั้งสองฝ่ายเข้าใจตรงกัน และป้องกันปัญหาเรื่องค่าบริการที่อาจเกิดขึ้นภายหลัง
📌 สรุป
สำนักงานบัญชีต้องขอดูเอกสารก่อนเสนอราคา เพราะต้องประเมินปริมาณงาน ความซับซ้อน และความถูกต้องของข้อมูลบัญชีของธุรกิจนั้น ๆ การกำหนดค่าบริการจึงไม่ได้เป็นอัตราคงที่ แต่ขึ้นอยู่กับ
✅ ปริมาณเอกสารที่ต้องบันทึก
✅ ความซับซ้อนของโครงสร้างธุรกิจ
✅ ภาระภาษีและข้อกำหนดทางบัญชี
✅ ความถูกต้องของข้อมูลที่มีอยู่
หากเจ้าของธุรกิจต้องการให้สำนักงานบัญชีเสนอราคาได้รวดเร็ว ควรเตรียมเอกสารให้พร้อม และให้ข้อมูลที่ถูกต้อง เพื่อให้สำนักงานบัญชีสามารถประเมินค่าบริการที่เหมาะสม และช่วยให้การทำบัญชีเป็นไปอย่างราบรื่น 🚀
ต้องการใช้บริการจดทะเบียนบริษัท,ทำบัญชี หรือ วางแผนด้านภาษีกับเราสามารถติดต่อได้ที่
📞 โทร: 02 009 2298-99
📩 Email: atlcomany24@gmail.com
🌐 Website: www.atlcompany.co.th
📌 Facebook: ATL Company – รับจดทะเบียนบริษัท
📲 Line@: @atlcompany